คลาสเรียนพิเศษ
Hot Deal เดือนพฤศจิกายนมาถึงแล้ว!

ระยะสั้น สำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัด
เพียงราคา 5,289 (ปกติ 16,000)

ปักมุดลงทะเบียนมาเจอกันได้เลย ที่โรงเรียนศิลปศาสตร์อาหารไทยหม่อมหลวงพวง ทินกร

รอบพิเศษ
รอบที่ 1 เรียนวันที่ 08-09 พฤศจิกายน 2567
รอบที่ 2 เรียนวันที่ 27-28 พฤศจิกายน 2567

เรียนทำอาหาร 16 รายการ ครบรส พร้อมกับเทคนิคที่บางคนยังไม่รู้
เรียนแบบกลุ่มย่อย สอนละเอียดทุกขั้นตอน

  • เรียน 2 วันจบ
  • ได้ใบประกาศนียบัตรภาษาไทย-ภาษาอังกฤษ

เลือกรอบที่สะดวก INBOX จองสิทธิ์ก่อนเต็ม!
โทร: 086-900-9396, 02-002-2814
Line: @mlpuang

#หม่อมหลวงพวงทินกร #สอนทำอาหาร #เรียนทำอาหาร #โรงเรียนสอนทำอาหาร
#โรงเรียนสอนทำอาหารมีใบประกาศ

“โรงเรียนสอนทำอาหาร เรียนทำอาหาร สอนทำอาหารและสอนทำขนม”

“การก่อตั้งโรงเรียนศิลปศาสตร์อาหารไทยหม่อมหลวงพวง ทินกร”

แนวคิดในการก่อตั้งโรงเรียนสอนทำอาหารแห่งนี้ ได้เริ่มขึ้นในปีพุทธศักราช 2529 โดยอาจารย์อมินตรา ทินกร ณ อยุธยา ซึ่งขณะนั้นโรงเรียนศิลปศาสตร์อาหารไทยหม่อมหลวงพวง ทินกร ได้เป็นโรงเรียนสอนทำอาหาร สอนทำขนม รวมถึงสอนงานแกะสลักที่เปิดสอนให้แก่ผู้ที่รัก และสนใจในการเรียนทำอาหาร และเรียนทำขนมยังมีอยู่น้อยมาก โดยถูกจำกัดอยู่แค่เพียงกลุ่มคนหรือนักเรียนที่เรียนโรงเรียนสายอาชีพเท่านั้น องค์ความรู้ต่าง ๆ ในครัวไทยก็ถูกถ่ายทอดกันเฉพาะกลุ่ม และไม่เผยแพร่ไปสู่คนนอก นอกจากนั้นอาชีพพ่อครัวแม่ครัวในเวลานั้นก็ถูกมองผ่านในมุมมองแบบเก่า ๆ ที่เชื่อกันว่า “งานครัว” เป็นงานที่ไม่สามารถเชิดหน้าชูตาให้แก่ตนเองและวงศ์ตระกูลได้  ดังนั้น แนวความคิดในการเปิดสอนทำอาหาร และสอนทำขนม ในขณะนั้นนับว่าเกือบจะเป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว เพราะคนจำนวนไม่น้อยเชื่อกันว่าการเรียนทำอาหาร และเรียนทำขนมนั้นไม่ใช่สิ่งจำเป็น เพราะคงไม่สามารถนำพาไปสู่อาชีพที่มีรายได้สูงและมีชื่อเสียงหรือเกียรติยศได้

โรงเรียนสอนทำอาหารชื่อ “โรงเรียนศิลปศาสตร์อาหารไทยหม่อมหลวงพวง ทินกร” จึงได้ถือกำเนิดขึ้นมา โดยมุ่งเน้นในการเสริมสร้างทัศนคติในเชิงบวกต่ออาชีพพ่อครัว แม่ครัวไทย และงานครัวมาโดยตลอด พร้อมกันนี้ยังเปิดกว้างให้บุคคลต่าง ๆ ในหลากหลายสาขาอาชีพ ทุกเพศ ทุกวัย ที่ต้องการเรียนรู้และรู้จักขนมไทยและอาหารไทยโบราณ รวมไปถึงบุคคลที่ต้องการเรียนทำอาหาร และเรียนทำขนม เพื่อก้าวไปสู่ประตูแห่งความสำเร็จในสาขาอาชีพเชฟอาหารไทย ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างเต็มภาคภูมิ

โดยทางโรงเรียนสอนทำอาหารมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ และอนุรักษ์ศิลปะการปรุงอาหารไทยชาววังคาวหวาน งานแกะสลักผักและผลไม้ งานประดิษฐ์ดอกไม้ใบตอง ตลอดจนงานหัตถศิลป์แขนงต่าง ๆ ซึ่งเป็นงานที่ต้องอาศัยความละเอียดประณีตและพิถีพิถันเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งงานศิลปะเหล่านี้เปรียบเสมือนกระจกส่องสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมการกินอยู่อย่างประณีต และงดงามตามแบบฉบับของคนไทยในสมัยโบราณที่นับวันมีแต่จะเลือนลางสูญหายไปตามกาลเวลาที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต ด้วยเหตุนี้โรงเรียนศิลปศาสตร์อาหารไทยหม่อมหลวงพวง ทินกร จึงถูกจัดตั้งเพื่อเป็นการอนุรักษ์ และจรรโลงมรดกทางวัฒนธรรมของชาติไทยให้คงอยู่สืบไป

โรงเรียนศิลปศาสตร์อาหารไทยหม่อมหลวงพวง ทินกร ได้รับการรับรองหลักสูตรโดยกระทรวงศึกษาธิการในการเปิดสอนหลากหลายหลักสูตร ทั้งสอนทำอาหาร โดยหลักสูตรอาหารไทยตำรับชาววังของทางโรงเรียนเปิดสอนตั้งแต่หลักสูตรเบื้องต้น พื้นฐาน ขั้นสูง ขั้นสูงพิเศษ พ่อครัวแม่ครัวไทย และหลักสูตรสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจอาหารไทยต่างประเทศ ซึ่งอาหารไทยตำรับหม่อมหลวงพวง ทินกร จะมีความแตกต่างจากอาหารตำรับอื่น ๆ และมี เอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื่องด้วยทางโรงเรียนได้ให้ความสำคัญในกรรมวิธีการปรุงอย่างละเอียดประณีต และพิถีพิถันในทุกขั้นตอนในการทำ รวมถึงความสดใหม่ของวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ไม่เคยมองข้าม อาทิเช่น มัสมั่นเม็ดบัว หมี่กรอบชาววัง แกงกระหรี่ไก่ในผอบมัน กระทงทองไทยแกงไก่แห้ง หมูก้อนทองอุไร ข้าวขวัญ การเวกสอดสี ฯลฯ ซึ่งเคล็ดลับ และความรู้ในการทำทั้งหมดได้ถูกสืบทอดมาอย่างต่อเนื่อง และซึมซับกันมาสู่รุ่นลูกรุ่นหลานตามเจตนารมณ์ของท่านที่ต้องการให้ศิลปะเหล่านี้ได้รับการเผยแพร่และอนุรักษ์ให้คงอยู่ในหมู่ลูกหลานสืบต่อไป ส่วนหลักสูตรสอนทำขนม เปิดสอนตั้งแต่หลักสูตรเบื้องต้น พื้นฐาน และขั้นสูงเช่นเดียวกันกับหลักสูตรอาหารไทย รวมทั้งการแกะสลักผักและผลไม้ งานร้อยมาลัย งานประดิษฐ์ดอกไม้สด พานพุ่ม และงานใบตอง ตลอดจนงานหัตถศิลป์แขนงต่าง ๆ โดยทางโรงเรียนศิลปศาสตร์อาหารไทยหม่อมหลวงพวง ทินกร ไม่ได้มีการหยุดนิ่งที่จะพัฒนาหลักสูตร ความรู้ใหม่ ๆ รวมถึงเมนูอาหารไทยตำรับชาววัง ให้นำมาปรับใช้ให้เข้ากับยุคสมัยในปัจจุบัน เพื่อให้ผู้เรียนได้รับความรู้และสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างแท้จริง

ในการสอนทำอาหารและสอนทำขนม และการเรียนแกะสลักผักผลไม้  ผู้เรียนจะต้องผ่านเกณฑ์การเรียนทั้งภาคทฤษฎี และปฏิบัติ ตามเกณฑ์ที่ทางโรงเรียนได้กำหนดไว้ เพื่อให้ได้ความรู้และความเข้าใจในหลักสูตรที่เรียนอย่างถ่องแท้ ทั้งนี้ผู้เรียนจะได้รับประกาศนียบัตรทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ อย่างละ 1 ฉบับ เมื่อเรียนสำเร็จหลักสูตร